
นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ว่า เชื่อว่าประชาชนจะเกิดความเครียด และความวิตกกังวลแน่นอน คนที่ส่งบุตรหลานไปเรียนหนังสือก็จะวิตกกังวลว่าบุตรหลานของตัวเองจะไปโรงเรียนได้หรือไม่ ซึ่งตนอยากวิงวอนในส่วนของผู้ที่เกี่ยวข้องในการชุมนุมครั้งนี้ว่าทำอะไรอยากให้คิดถึงคนส่วนใหญ่ของกรุงเทพฯด้วย ซึ่งมีคนกรุงเทพฯอีกหลายล้านคนที่ไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมครั้งนี้ แต่กลับต้องมาได้รับผลกระทบ กิจการงานทุกอย่างต้องมาหยุดชะงัก ซึ่งก็ไม่ทราบว่ากลุ่มผู้ชุมนุมต้องการให้เกิดอะไรหรือไม่ แต่เชื่อว่าคงจะมีเหตุผล และตนเชื่อว่าหากไปถามประชาชนในกรุงเทพฯว่าสบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้หรือไม่ คนส่วนใหญ่จะรู้สึกอึดอัด และสงสัยว่าทำไมไม่พูดตกลงกันให้รู้เรื่อง อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้เครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากแนะนำให้ลองมองในมุมกลับ พลิกวิกฤติเป็นโอกาส มองเป็นการพัฒนาการของประชาธิปไตย และเรียนรู้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหมือนเป็นการสอนจากของจริง เพราะเหตุการณ์ในลักษณะนี้ล้วนเคยเกิดขึ้นมาแล้วในประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่ถ้าหากเกิดการเครียดจากการดูข่าวการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ก็ควรพักหยุดรับข่าวสารบ้าง
ปีที่ 59 ฉบับที่ 18481 วันพุธ ที่ 27 สิงหาคม 2551
6 ความคิดเห็น:
สำหรับความคิดเห็นของผม ผมเห็นด้วยกับ นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ในเรื่องของการพลิกวิกฤติเป็นโอกาส โดยควรมองว่าเป็นการพัฒนาการของระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทยให้พัฒนามากกว่าที่เป็นอยู่อย่างทุกวันนี้ และเรียนรู้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหมือนเป็นการสอนจากของจริง เพราะคงไม่มีสิ่งไหนที่จะสามารถสอนหรือเปงบทเรียนได้ดีกว่านี้แล้ว และยังสามารถเข้าถึงทุกกลุ่มคนในประเทศ แต่อย่างไรก็ตามการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ก็ควรที่จะคำนึงถึงการใช้ชีวิตของประชากรส่วนใหญ่ใน กรุงเทพฯ ที่จะต้องใช้เส้นทางในการสัญจรไปมาด้วย เพื่อที่จะให้ทุกฝ่ายไม่เดือดร้อน นี้ก็เปงเพียงแค่ความคิดเห็นของผมนะครับ ผู้อ่านท่านใดมีความคิดเห็นที่อาจเหมือนหรือ แตกต่างยังไงก็ช่วยชี้แนะด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
นายปารเมศ เนื่องชมภู รหัสนักศึกษา 5131601399 School Of Law section 02
คุณจะพักการรับข่าวสารนั้นไม่ได้เด็ดขาด เมื่อไหร่ที่มีการหยุดรับข่าวสาร เมื่อนั้นคุณจะกลายเป็นคนล้าสมัยทันที และคุณจะไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ผมเชื่อว่า อีกไม่นานทุกๆท่านจะเข้าใจปัญหาด้านการเมืองยิ่งขึ้น และอยากให้ทุกๆท่านมองในหลายๆแง่ และแง่ไหนที่ใกล้เคียงที่สุด
และทุกๆท่านต้องคิดเสมอว่า การรับข่าวสารเป็นสิ่งที่จำเป็น และควรระรึกเสมอว่า เมื่อท่านหยิบหนังสือพิมพ์ หรือรับข่าวสาร ข่าวสารบ้านเมืองนั้นสำคัญและต้องรับรู้ก่อน สุดท้ายควรเลือกดูสื่อที่เป็นกลางด้วย หรืออาจดูสือหลายสือแล้วมาเปรียบเทียบกัน
นายศิระพงศ์ สุยะ ID 5131601508
สำนักวิชานิติศาสตร์ sec 02
การที่เราจะรับจะฟังข่าวสารต่างๆนั้น เราก็ควรที่จะมีวิจารณญาณด้วย ไม่ควรไปอินกับข่าวมากนัก และไม่ควรที่จะปิดกั้นตัวเองไม่ให้ได้รับข่าวสาร เพราะจะทำให้เราไม่ทันกับเหตุการณ์บ้านเมือง
เป็นการคิดที่ไม่ค่อยสร้างสรรค์ในสิ่งที่เข้ามาทำอะไรแบบนี้
การตั้งชุมนุมอาจเป็นวิธีหนึ่ง
แต่โลกไม่ได้หยุดแค่วันนี้
ประเทศต้องก้วไปข้างหน้า
ถ้ามัวแต่มาทำอะไรแบบนี้
สภาพสังคมบ้างเราอาจดูแย่ลงกว่าเดิมก็อาจเป็นได้
สังคมไทยในปัจจุบัน เลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก
เกิดจากการที่คนในชาติขาดความสามัคคี แตกแยกเป็นหมู่คณะ กรุงเทพคือเมืองหลวง ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าจะต้องมีผู้คนเป็นจำนวนมาก การชุมนุมในครั้งนี้ทำให้ส่งผลกระทบไปสู่ผู้ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพเป็นจำนวนมาก
"แน่นอนไม่มีใครสนับสนุนคนไม่ได้ แต่ก็ไม่สนับสนุนการชุมนุมเช่นกัน"
นางสาวปัญจมา ชอบดี รหัสนักศึกษา 5131601393
สำนักวิชานิติศาสตร์ สาขาวิชานิติศาสตร์ section 02
ก็ดีนะที่คนไทยสนใจในการเมืองจนถึงกับเคลียด อาจจะไม่ให้เคลียดเพราะการเมืองแต่ ความเคลียดที่เกิดขึ้นก็มาจากผลกระทยของการเมืองแทบทั้งสิ้น ครอบครัวบางครอบครัวอาจจะเกิดการทะเลาะกันเพราะมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน หรือไปที่ต่างๆก็ไม่สามารถพูดเรื่องการเมืองได้เพราะอาจจะมีคนไม่เห็นด้วยกับเรา แล้วเกิดการทะเลาะกันได้ แต่ก็เป็นดหตุที่ดีนะที่คนไทยสนใจในการเมืองมากยิ่งขึ้น
ข้าวขวัญ โยสิทธิ์
แสดงความคิดเห็น