วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2551

พันธมิตรฯ ปฏิเสธสูตร 50:50


พันธมิตรฯ ปฏิเสธสูตร 50:50 [23 ก.ย. 51 - 04:37]

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 ก.ย. ที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ร่วมกันแถลงข่าว โดย พล.ต.จำลอง กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรฯยืนยันจุดยืนต่อต้านการแก้ รัฐธรรมนูญ 2550 และเสนอการเมืองใหม่ ซึ่งรูปแบบการเมืองใหม่ มีความแตกต่างจากระบบเก่าอย่างชัดเจน โดยยังจะเป็นการเลือกตั้งแบบ 100% แต่แยกออกเป็นสองทาง คือ การเลือกตั้งผ่านเขตพื้นที่ และเลือกตั้งผ่านกลุ่มสาขาอาชีพ ตามสัดส่วนประชากร ยืนยันว่าไม่ได้เป็นแบบ 50:50 ตามที่สื่อเสนอ และไม่ใช่การสรรหาหรือแต่งตั้ง ไม่อยากให้เข้าใจผิด เพราะวันนี้มีการใส่ร้ายเรา ขณะนี้ยังเป็นเพียงตุ๊กตา ที่ยังไม่ได้กำหนดสัดส่วนที่ชัดเจน ไปกำหนดไม่ได้ เพราะจะเถียงกันไม่จบ และยังเปิดกว้างสำหรับทุกความคิดเห็น โดยในวันที่ 27 ก.ย.นี้ เวลา 14.00 น. จะมีการเปิดเวที โดยเชิญผู้มีความรู้ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม 30-40 คนมาหารือ

การเมืองใหม่ต้านเผด็จการนายทุน

พล.ต.จำลองกล่าวว่า การเสนอการเมืองใหม่ เพื่อเป็นการป้องกันนายทุนเข้าไปซื้อสภาฯ ครอบงำอำนาจนิติบัญญัติและบริหาร จนเกิดเผด็จการรัฐสภา อีกทั้งที่ผ่านมากลุ่มอาชีพมีจำนวนมากแต่ไม่มีโอกาสมาเป็น ส.ส. จึงต้องไปสวามิภักดิ์นักการเมือง ทั้งนี้ ในแต่ละอาชีพ อาจคัดเลือกตัวแทนลงสมัคร โดยประชาชนอาจต้องเลือกตั้งสองส่วน คือ เขตพื้นที่และสาขาอาชีพ มั่นใจว่าจะดีกว่าแบบเก่า และจะไม่ถูกครอบงำโดยง่าย เนื่องจาก มีความหลากหลาย แต่จะเป็นการมีตัวแทนที่แท้จริงไปคานอำนาจ หากดำเนินการได้ จะทำให้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นจริงดังคำจำกัดความ และเราก็ไม่ต้องมาชุมนุมกันอีกต่อไป

รื้อเวทีมัฆวานฯ เปิดทางขบวนเสด็จ

พล.ต.จำลองกล่าวอีกว่า ระหว่างวันที่ 14-19 พ.ย. นี้ กลุ่มพันธมิตรฯจะรื้อเวทีและเต็นท์บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ เพื่อเปิดเป็นเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินรวมทั้งสิ้น 6 วัน เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าว จะมีพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยจะปรับรูปแบบมาใช้เป็นรถขยายเสียงเคลื่อนที่แทน ตามเจตนารมณ์ของการชุมนุม ที่ยึดหลักปกป้องสามสถาบันได้แก่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ การเปิดทางครั้งนี้ ถือว่าดำเนินการด้วยความเต็มใจ

คนเป็นกาวใจต้องมีอำนาจตัดสินใจ

ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ติดต่อขอเจรจามาบ้างหรือไม่ พล.ต.จำลองตอบว่า ยังไม่มีใครในรัฐบาลติดต่อมา แต่ยืนยันว่าเราไม่ปิดประตูการเจรจา แต่ทราบว่าขณะนี้รัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินการตั้ง ครม.ใหม่ก่อน จึงคิดว่าควรทำภารกิจตรงนั้นให้เสร็จ แล้วค่อยคุยเรื่องนี้ แต่คนที่จะมาคุย ขอให้เป็นคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจ ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีประโยชน์ แต่เราคงไม่สามารออกไปเจรจานอกทำเนียบฯได้ เพราะออกไปตำรวจก็จับ ยืนยันว่าไม่ได้ตั้งเงื่อนไข แต่ช่องทางอื่น เช่น ทางโทรศัพท์ก็สามารถทำได้ แต่สมมติหากทางรัฐบาลต่อสายมายังแกนนำคนใดคนหนึ่ง ก็ยังไม่ถือเป็นข้อสรุป เพราะต้องนำหารือกับแกนนำทั้งหมด และถ้าเป็นเรื่องสำคัญ ก็ต้องสอบถามมติจากผู้ชุมนุม เพราะถ้าเราตัดสินใจอะไรไป แล้วผู้ชุมนุมไม่ยอม จะเป็นปัญหา เมื่อถามกรณี พล.ต.สนั่นจะชักชวน พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อน จปร.7 ของ พล.ต.จำลองมาช่วยเจรจา พล.ต.จำลองตอบว่า ไม่มีปัญหาเป็นใครก็ได้ทั้งนั้น ขอให้มีอำนาจในการตัดสินใจ

เพิ่มอำนาจประชาชนถอดถอน ส.ส.

นายพิภพกล่าวว่า สำหรับการเมืองใหม่ได้มีการเพิ่มเนื้อหาที่สำคัญ อาทิ องค์กรสื่อต้องมีอิสระในการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ประชาชนในเขตเลือกตั้งมีสิทธิ์เรียกคืนตำแหน่ง ส.ส.ได้ ให้อำนาจประชาชนในการถอดถอนนักการเมืองได้ง่ายขึ้น โดยมีกฎหมายรองรับและประชาชนสามารถยื่นเรื่องต่อศาลได้โดยตรง เพื่อลดขั้นตอนและคดีเกี่ยวกับการทุจริตต้องไม่มีอายุความ ดังนั้น การเมืองใหม่จึงเป็นการเพิ่มบทบาทการเมืองภาคประชาชน ให้เข้มข้นกว่าเดิม

จัดเสวนาวิชาการชำแหละสันติอโศก

วันเดียวกัน ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ ถนนราชดำเนินใน ได้มีการเสวนาวิชาการเรื่อง “ลัทธิสันติอโศก ได้อำนาจรัฐ แล้วพระพุทธศาสนาจะอยู่อย่างไร” โดยพระเทพวิสุทธิกวี เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ไม่ว่าจะเกิดลัทธิอะไรขึ้นมา พระพุทธศาสนาจะสามารถคงอยู่ได้อย่างแน่นอน แต่องค์กรทางพุทธก็ไม่ควรอยู่นิ่ง ควรที่จะออกมาหามาตรการในการดำเนินการต่างๆด้วย

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า กลุ่มสันติอโศกมีการตั้งพรรคการเมืองใช้ชื่อว่า “พรรคฟ้าดิน” ซึ่งจะมาอ้างว่าสันติอโศกไม่รู้เรื่องไม่ได้ เพราะชื่อของเลขาธิการพรรค คือ ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ ซึ่งเป็นคนของสันติอโศก และการที่สันติอโศกบอกว่าไม่ได้ข้องเกี่ยวกับการเมือง ไม่มีเป้าหมายทางการเมือง อยากถามว่าหากไม่มีเป้าหมายทางการเมืองแล้ว จะตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาหาอะไร อีกทั้งการที่สมณะของสันติอโศกแต่งกายคล้ายพระสงฆ์ ก็เพื่อเป็นเกราะคุ้มครองไม่ให้ถูกคนอื่นต่อว่าในการดำเนินการทางการเมือง เพื่อเป็นการคุ้มครองตัวเองให้ไปสู่เป้าหมายทางการเมือง และยืนยันว่าอีกไม่นานจะมีการดำเนินการเอาทำเนียบรัฐบาลคืนจากกลุ่มพันธมิตรฯแน่นอน เพราะขณะนี้มีการหารือกันถึงแนวทางต่างๆมาหลายครั้งแล้ว

อ้างต้องการสถาปนาลัทธิทางศาสนา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเสวนาวิชาการดังกล่าว มีการแจกจ่ายแถลงการณ์ขององค์กรชาวพุทธแห่งประเทศไทย ระบุว่าการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มสันติอโศก มีเจตนารมณ์ชัดเจนว่าจะสถาปนาระบอบการเมืองใหม่ ตามทฤษฎีของสมณะโพธิรักษ์ ซึ่งแนวคิดดังกล่าวเป็นแนวทางที่จะล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แสดงให้เห็นว่าสันติอโศกต้องการจะสถาปนาลัทธิศาสนาของตัวเอง องค์กรชาวพุทธฯ จึงขอเรียกร้องให้สมณะโพธิรักษ์และสันติอโศก ยุติความพยายามในการสถาปนาระบอบการเมืองใหม่ ให้กลุ่มสันติอโศกออกจากทำเนียบรัฐบาล ให้สมณะโพธิรักษ์ปฏิบัติตามกฎหมายบ้านเมือง และนำ พล.ต. จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ เข้ามอบตัว และเรียกร้องให้ผู้ดูแลกฎหมายดำเนินการกับสันติอโศก เพราะศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาเมื่อปี 2541 ว่าสันติอโศกมีความผิดทางศาสนา และไม่ให้กระทำผิดซ้ำอีก

2 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

บ้านเมืองเราเมื่อไหร่จะสงบซักทีล่ะครับ
เด๋วค้านนู่น ค้านนี่
ออกกฎนู่น ออกกฎนี่
ไล่คนนู้นออก คนนี้ออก
เฮ้อ....
ลดๆลงบ้างเหอะคับ

พวกคุณลองให้คนที่คุณคิดว่ามีความสัมพันธ์กับคนเลว
มาบริหารบ้างสิครับ บางทีเค้าอาจจะมีความคิดที่ดีๆมากกว่าคนก่อนๆและพวกคุณก็เป็นไปได้

แต่ในเรื่องนี้ ผมขอชมกลุ่มพันธมิตรเรื่องนึง
คือการที่ยังมีจิตสำนึก ที่จะยุบเวทีเพื่อที่จะเป็นทางเสด็จของพระศพ ไม่นึกว่า พวกคุณยังมีจิตใจแบบนี้หลงเหลืออยู่

นาย ภรัณยู แกล้วกล้า
รหัสนักศึกษา 5131601442
Sec.02
สำนักวิชา นิติศาสตร์

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

การเมืองที่เริ่มจะเป็นเรื่องปกติของคนทั่วไปของชนชาว

ไทยไปซะแล้ว ทั้งการประท้วงที่ยังคงดำเนินอยู่ต่อ

ไป ทั้งการแบ่งเค้กของรัฐบาล ตอนนี้ต้องขึ้นอยู่กับ

ความอดทนของแต่ละฝ่าย การที่เสนอระบบการเมือง

ใหม่นั้นเป้นความคิดที่ดีมาก เนื่องจากเป็นการนำกลุ่ม

คนหลายประเภทหลายความคิดเข้ามาตัดสินใจในการ

เมืองของสาขานั้นๆ แต่การจัดสรรคเข้ามาและจำนวน

นั้น ต้องดูความเหมาะสมและความเห็นชอบจากบุคคล

หลายฝ่าย เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งและสุดท้ายที่

สุด เพื่อประโยชน์ของชาติบ้านเมือง มิใช่เพียงนักการ

เมืองกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

นายศิระพงศ์ สุยะ ID5131601508 Law Sec02