วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2551

สว.จี้ นายกฯเร่งเคลียร์ปมการเมือง



สว.จี้ นายกฯเร่งเคลียร์ปมการเมือง

โดย โพสต์ทูเดย์
วัน ศุกร์ ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2551 14:22 น.


พล.อ.เลิศรัตน์ นำทีม ส.ว.นับ 100 คน แถลงเรียกร้องให้ นายกรัฐมนตรี เร่งแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นพร้อมคืนอำนาจให้ประชาชน-ขอให้กลุ่มองค์กรต่าง ๆ ที่เข้าร่วมชุมนุมให้ยุติบทบาท-ภาพ:อภิชิต จินากุล ด้านวุฒิสภา เห็นชอบวาระแรก 119 ต่อ 5 เสียง ผ่านร่างพ.ร.บ.ประชามติ ก่อนลงมติ ส.ว.รุบสับมติครม.ให้ทำประชามติปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ชี้ขัดรธน. ประพันธ์ ย้ำ รธน.ระบุชัดเกณฑ์ตั้งหัวข้อประชามติเกี่ยวกับบุคคล-คณะบุคคลไม่ได้ ระบุ ถ้านายกฯดึงดันกกต.ท้วงไม่ได้ ชี้ ต้องมีพ.ร.บ.ประกอบฯรองรับด้วย


วันนี้ที่ รัฐสภา สมาชิกวุฒิสภา นับ100 คน ซึ่งมี ส.ว. ทั้งเลือกตั้งและสว.สรรหา นำโดยพล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช สว.สรรหา ได้เสนอทางออก 3 ข้อให้กับรัฐบาลถึงกรณีเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น โดยพล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า ส.ว.ทุกคนตระหนักถึงปัญหาความขัดแย้งทางความคิดที่เกิดขึ้นในสังคมจนก่อให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้มีผู้บาดเจ็บกว่า 100 คนแล้ว และมีเสียชีวิต1 คน นอกจากนี้ปัญหาดังกล่าวยังมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมที่ประเมินมูลค่าไม่ได้ หากสถานการณ์ยืดเยื้อและยาวนานยิ่งจะทำให้ยากแก่การเยียวยา


ดังนั้นทาง สว.ส่วนใหญ่ได้มีการหารือกันถึงสถานการณ์ดังกล่าวและปรารถนาให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองทราบจุดยืน จึงขอเรียกร้อง 3 ข้อ คือ 1. ขอให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯและรัฐบาลเร่งรัดแก้วิกฤตการณ์ทางการเมืองด้วยสันติวิธี ด้วยการเข้าไปเจรจากับทุกฝ่ายเพื่อให้ยุติปัญหาที่เกิดขึ้นโดยขอให้รีบเร่งทำในระยะเวลาที่สั้นที่สุด 2.หากไม่สามารถยุติปัญหาด้วยการเจรจาได้ขอให้นายกฯเลือกใช้หนทางแก้ไขตามระบอบประชาธิปไตยคือการการคืนอำนาจให้กับประชาชนและให้มีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะไม่มีใครแพ้และชนะ


พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า 3.เมื่อนายกฯดำเนินการแล้วก็ขอให้ประชาชนทุกคนยุติการชุมนุมที่ผิดกฎหมายและยุติการหยุดงานประท้วง เพื่อมาช่วยกันตรวจสอบการเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมและช่วยกันตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลให้เกิดความโปร่งใส ซึ่ง ส.ว. ก็จะร่วมมือกับประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่นี้อย่างเต็มความสามารถ ขอยืนยันว่าการออกมาเรียกร้องครั้งนี้ไม่ได้มีเจตนาอื่นใดแอบแฝง หรือต้องการกดดดันกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ตระหนักถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับบ้านเมืองที่จะได้รับผลกระทบที่จะตามมาและเราก็ไม่ได้ฝักฝ่ายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่ต้องการให้บ้านเมืองพัฒนาไปได้


มติที่ประชุมวุฒิสภารับหลักการ ร่างพ.ร.บ.ประชามติ 119 ต่อ 5(5ก.ย.) เวลา 09.45 น.การประชุมวุฒิสภา มีนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม พิจารณาเรื่องด่วน ร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. .... ซึ่งสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาเสร็จแล้ว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 302 วรรคสี่ และวรรคหก โดยวุฒิสภาต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน


จากนั้น ส.ว.หลายคน อาทิ นายวรินทร์ เทียมจรัส นายสมชาย แสวงการ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.สรรหาอภิปรายติติงกรณีที่ครม.มีมติให้ทำประชามติกรณีความขัดแย้งในบ้านเมือง โดยระบุว่า ไม่มีเหตุให้ดำเนินการดังกล่าว และกกต.จะสามารถทำได้ภายในกี่วัน และจะขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ ทั้งนี้วุฒิสภาต้องพิจารณาร่างพ.ร.บ.นี้ด้วยความรอบคอบ เนื่องจากสภาผ่านวาระ 3 โดยมีการแก้ไขปรับปรุงพอสมควร ทั้งเรื่องสิทธิการลงประชามติ เหตุที่ทำให้ต้องลงประชามติ การชี้ขาดผลการลงประชามติ ข้อห้ามและการให้ข้อมูลในการลงประชามติ รวมถึงเกรงว่า กกต.จะสามารถดำเนินการลงประชามติให้เป็นไปตามเป้าหมายได้หรือไม่ นอกจากนี้กว่าวุฒิสภาจะพิจารณาเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด หากครม.ต้องการให้ทำประชามติ จะสามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งก็ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และหากนายกฯ ยุบสภาหรือลาออก ร่างกฎหมายนี้จะมีสถานะอย่างไร


ด้านนางสาวรสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม.กล่าวว่า ฝ่ายบริหารมักดำเนินโครงการหรือนโยบายที่มีผลกระทบกับวิถีชีวิตของประชาชนและชุมชน กฎหมายฉบับนี้จึงมีขึ้นเพื่อถ่วงดุลระหว่างฝใยประชาชนกับฝ่ายการเมือง ฉะนั้นกฎหมายฉบับนี้ควรเปิดให้ประชาชนเสนอประเด็นขึ้นมาให้สาธารณะทำประชามติได้ด้วย เช่นเดียวกับที่ประชาชนสามารถเข้าชื่อยื่นถอดถอนนักการเมืองได้


นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ชี้แจงว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 302 บัญญัติให้กกต.ต้องปรับปรุงกฎหมายนี้ภายใน 1 ปี ภายหลังรัฐธรรมนูญประกาศใช้ ซึ่งกกต.ได้ดำเนินการแล้ว และในส่วนระยะเวลาการพิจารณาภายใน 90 วันของสภาผู้แทนราษฎรก็ไม่มีปัญหาแล้ว ส่วนมติครม.เรื่องการทำประชามตินั้น ตนยังไม่เห็น และยังไม่ทราบถ้อยคำของการขอทำประชามติว่าเป็นเรื่องอะไร แต่รัฐธรรมนูญ มาตรา 165 กำหนดหัวข้อการทำประชามติไว้ข้อ 2 ในวรรคสามว่า การออกเสียงประชามติต้องเป็นการให้ออกเสียงเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในกิจการตามที่จัดให้มีการออกเสียงประชามติ และการจัดการออกเสียงประชามติในเรื่องที่ขัดแย้งหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือเกี่ยวกับตัวบุคคลหรือคณะบุคคลจะกระทำมิได้


“ กรณีที่ ส.ว. สงสัยว่า หากนายกฯประกาศหัวข้อประชามติ กกต.สามารถทักท้วงได้หรือไม่นั้น กฎหมายฉบับนี้ไม่ได้ให้อำนาจกกต.ทักท้วงประกาศของนายกฯ แต่รัฐธรรมนูญมาตรา 165 บัญญัติว่า ก่อนที่นายกฯจะประกาศหัวข้อประชามติ ต้องถามความเห็นครม.ก่อนว่า สอดคล้องตามเงื่อนไขที่รัฐธรรมนูญบัญญัติหรือไม่ ไปเกี่ยวข้องกับบุคคลหรือคณะบุคคลหรือไม่


นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญไม่ได้ให้นายกฯปรึกษาประธานฝ่ายนิติบัญญัติ แต่ผมเชื่อว่า ในทางปฏิบัติ นายกฯคงไปปรึกษา หากหัวข้อดังกล่าวไม่สอดคล้องในเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ ฝ่ายนิติบัญญัติคงทักท้วง และเมื่อมีการประกาศหัวข้อประชามติ กกต.คงไม่สามารถไปทักท้วงอะไรได้อีก เพราะนายกฯเป็นผู้บริหารประเทศ ” นายประพันธ์ กล่าว


นายประพันธ์ กล่าวว่า การที่ครม.จะทำประชามติต้องมีกฎหมายมารองรับ เพราะกฎหมายว่าด้วยความเรียบร้อยในการออกเสียงประชามติในการทำประชามติรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา ไม่สามารถนำมาบังคับได้ เนื่องจากแป็นกฎหมายเฉพาะเรื่อง ดังนั้นกกต.จึงไม่สามารถทำประชามติได้ถ้าไม่สามารถมีกฎหมายรองรับ


หลังจากอภิปรายนาน 1 ชั่วโมงครึ่ง ที่ประชุมมีมติรับหลักการด้วยคะแนน 119 ต่อ 5 งดออกเสียง 1 เสียง และตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญจำนวน 29 คน กำหนดแปรญัตติ 7 วัน


ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างการพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ มีการปะทะคารมกันเล็กน้อยระหว่างนายสิริวัฒน์ ไกรสินธุ์ ส.ว.นครศรีธรรมราช และนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.สรรหาที่เป็นอดีตส.ส.ร. 50 หลังจากนายศิริวัฒน์ ระบุว่า การทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 50 โหลยโท่ย ทำให้นายสุรชัย ลุกขึ้นตอบโต้ว่า เป็นการทำให้ผู้อื่นเสียหาย ทำให้นางสาวทัศนา บุญทอง รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานขอให้ทั้งสองคนอย่าเอาความกัน


ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างการพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ มีการปะทะคารมกันเล็กน้อยระหว่างนายสิริวัฒน์ ไกรสินธุ์ ส.ว.นครศรีธรรมราช และนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.สรรหาที่เป็นอดีตส.ส.ร. 50 หลังจากนายศิริวัฒน์ ระบุว่า การทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 50 โหลยโท่ย ทำให้นายสุรชัย ลุกขึ้นตอบโต้ว่า เป็นการทำให้ผู้อื่นเสียหาย ทำให้นางสาวทัศนา บุญทอง รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานขอให้ทั้งสองคนอย่าเอาความกัน


ข้อมูล คม ชัด ลึก

8 ความคิดเห็น:

เจ้าชายอสูร กล่าวว่า...

ควรรีบแก้ปัญหาได้แล้ว ท่านนายกฯ ก็หวงเก้าอี้จิงๆ นะคับ ประชาชนออกมาขนาดนี้ยังดื้อรันนั่งเก้าอี้ต่อไปได้ ไม่ยุบสภา ไม่ลาออก แต่จะสู้ต่อไป เหอๆ แล้วเมื่อไหร่ปัญหาจะคลี่คลายล่ะคับ พี่น้อง

Mrmondaynight กล่าวว่า...

ทางออกมันมีอยู่ตลอดแหละครับ แต่กลุ่มผู้นำประเทศไม่เคยที่จะเลือกทางออกเลย เพียงเพราะมัวแต่คิดถึงแต่ตัวเอง แล้วแบบนี้ชาติของเราจะเป็นอย่างไรในเมื่อผู้นำประเทศยังเห็นแก่ตัวเองขนาดนี้ พอมีปัญหากับพันธมิตรฯ ก็ออกมาบอกว่าผมจะไม่ยอมให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย แต่กลับไม่เคยมองเลยว่าตัวเองได้ทำตามกฎหมายรึเปล่า ได้แต่บอกว่าคนนั้นคนนี้ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย แต่ไม่เคยที่จะมองย้อนหลังมองดูรอยแห่งเหตุเลยว่ามันมาได้อย่างไร เหตุการณ์ทั้งหมดคงเกิดขึ้นไม่ได้ในวันเดียว คงไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาออกมาเพราะถูกจ้าง คงไม่ได้ออกมาเพราะตามๆกันมาเพราะมันไม่ใช่แฟชั่น แต่แล้วพวกเขาออกมาเพราะอะไรหล่ะ เพราะคำว่าประชาธิปไตยไง เขาต้องการประชาธิปไตยไม่ใช่ ระบอบทักษิญ หรือการเป็นนอมินี(หุ้นเชิด) รัฐบาลน่าจะคิดได้นะครับว่าการเป็นหุ่นเชิดของคนอื่นมันน่าภูมิใจแล้วเหรอ

นายปารเมศ เนื่องชมภู รหัสนักศึกษา 5131601399
section 02 school of law

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

การแก้ปัญหาของวิธีนี้ มันมี ก็อย่างที่ในข่าวกล่าวมา
ก็คือการที่นายกรัฐมนตรีไม่สามารถหาทางออกเองได้
ก็ให้นายกลาออกแล้วทำการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งจะทำให้เป็นการคลี่คลายสถานการณ์ทั้งสองฝ่าย ถ้านายกยังไม่สามารถหาทางแก้ไขได้ ก็ควรจะใช้วิธีนี้นะครับ จะดีที่สุด

นาย ภรัณยู แกล้วกล้า
รหัสนักศึกษา 5131601442
Section.2 สำนักวิชานิติศาสตร์

My blog : hypnotizt.blogspot.com

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

รีการที่นายกมีข้อเสนอว่าการทำประชามตินั้น เป็นทางออก ดิฉันคิดว่าทางออกมีอยู่หลายทางไม่จำเป็นต้องทำประชามติให้เสียงบประมาณแผนดิน เช่นการแสดงความรับผิดชอบโดยการลาออก หรือยุบสภา แต่กับปล่อยให้ปัญหาลุกลามและรุนแรงขึ้นเลื่อยไม่เห็นแก่บ้านเมืองว่าตอนนี้บ้านเมืองเสียหาเพียงใดเมาแต่เห็นแก่พวกพ้องไม่ยอมแก้ปัญหาที่มีผลดีต่อประชาชนแต่กลับหาทางแก้ปัญหาที่เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตนหรอผลประโยชน์ให้กับเจ้านาย ไม่ใช่ว่าคงมีหน้าอยู่ได้โดยไม่ละอายเพราะว่าเป็นmarionetteของคนอื่นรอกนะ

น.ส ณัฐวดี ศิริมงคล รหัสนักศึกษา 5131601320
School of law section 02

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขณะนี้นายกคงกำลังหาทางแก้ตัวเพื่อถ่วงเวลาให้งบ

ประมาณรายจ่ายประจำปี 2552 ได้ผ่าน แล้วนายกจะ

มีทางเลือกหลายทาง แต่ขณะนี้นายกแค่กำลังรองบ

ประมาณปีหน้าเท่านั้นเอง หรือถ้าไม่เป็นเช่นนี้ ก็คงจะ

ลาออกอีกนานเพราะนายกสมัครเป็นคนดื้อด้านอยู่แล้ว

โหร ค.ม.ช. ได้ทำนายว่านายกจะสิ้นบุญวาสนา

ในเดือนนี้แน่นอน ซึ่งอาจเป็นการทำนายที่แม่นยำก็ได้

เนื่องจากเก้าอี้ในสภาสั่นคลอนเอาซะมากๆ...

นายศิระพงศ์ สุยะ ID 5131601508 Law sec02

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ทั้ง2ฝ่ายแข็งกันทั้งคู่และอย่างนี้ใครที่เพลียงพลําหรืออ่อนแม้แต่นิดเดียวในช่วงเวลานี้ก็อาจไม่มีที่อยู่ก็ว่าได้ เมื่อสถานการก้าวมาถึงจุดที่อาจเรียกว่าร้องขึ้นเรื่อยๆๆทุกขณะประเทศต้องการคุนที่จะเข้ามาดูและอย่างแท้จริงและนั้นก็จะเป็นเป้าหมายที่ทำให้ประเทศเรียกว่า ประชาธิปไตย

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

หากไม่สามารถแก้ปัญหาการเมืองด้วยวิธีอื่นได้ ควรจะยุบสภา แล้วคืนอำนาจให้กับประชาชน แล้วเลือกตั้งใหม่ น่าจะเป็นวิธีการแก้ปัญหาให้คลี่คลายลงได้บ้าง

น.ส.ธัญญลักษณ์ แสงใส
รหัสนักศึกษา 5131601342
School Of Law Section 02

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

จะทำอะไรก็ทำเถอะยื้อไปก็เปล่าประโยชน์ อย่าดีแต่พูด อย่ารอให้ชาติล้มจมแล้วค่อยตัดสินใจประเทศชาติเป็นของคนทุกคน ถ้าไม่ดูแลรัก ษาแล้วใครจะมาทำแทนให้ ต่างฝ่ายต่างกล่าวหากันละกันแล้วเคยย้อนกับมามองดูตัวเองบ้างหรือเปล่าว่าไอ้ที่ทำๆกันอยู่นี้ตัวเองทำดีแล้วหรอ บอกตรงๆไม่ว่าฝ่ายไหนก็ไม่เคยดูตัวเองเลยสักฝ่าย นี้แหละคนเราจะไม่เคยมองเห็นความไม่ดีของตนเอง

ข้าวขวัญ โยสิทธิ์
5131601259